‘ไก่อู’ เข้าขอโทษ ทูตลาว ปม NBT เสนอข่าว รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน

‘ไก่อู’ เข้าขอโทษ ทูตลาว ปม NBT เสนอข่าว รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน

สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ ไก่อู เดินทางเข้าพบ ทูตลาว กรณีวิจารณ์ รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เสียใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพจเฟซบุ๊ก สถานีแห่งชาติลาว (Lao National Radio) ได้ออกมาเผยแพร่ภาพของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่เดินทางเข้าพบ พณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มแห่ง สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เพื่อเป็นการขอโทษจากกรณีนำเสนอข่าวของช่อง NBT กรณีรถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน-ลาว และเกิดข้อผิดพลาดในการนำเสนอขึ้น จนสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนชาวลาว

โดย สถานีวิทยุแห่งชาติลาว รายงานว่า พล.ท.สรรเสริญ กล่าวแสดงความเสียใจต่อความผิดพลาดในการนำเสนอข้อมูล ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องขอออภัยประชาชนลาว นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า เคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง

ขณะนั้นได้มีจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการ ว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แต่เมื่อเกิดเหตุอีกครั้ง ตนจึงนำคณะผู้บริหาร และนักข่าวเดินทางมาด้วยตนเอง เพื่อแสดงความจริงใจ และสำนึกในความผิด หวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับการให้อภัยจากประชาชนลาว

พล.ท.สรรเสริญ ยังกล่าวด้วยว่า จะไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก จากนั้น นายถนอม อ่อนเกตุ นำพวงมาลัยมอบแด่เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ด้วยตนเอง พณฯ แสง กล่าวว่า จะนำคำขอโทษครั้งนี้ แจ้งให้ประชาชนลาวรับทราบ เชื่อมั่นว่าประชาชนลาวผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี จะให้อภัย และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ลาว-ไทยที่เป็นเพื่อนบ้าน มีฮีตคอง ประเพณี ภาษาวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ซึ่งเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์

“ในภายหน้า หากมีปัญหาที่ไม่เข้าใจ หรือต้องการข้อมูลอย่างละเอียด ขอให้ติดต่อประสานมายังสถานทูต เพื่อขอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อเสนอข่าวให้สังคมรับรู้อย่างถูกต้อง ประชาชนลาวมีความภาคภูมิใจในการเปิดใช้บริการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว ที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนลาว ประชาชนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน และภาคพื้นในอนาคต” พณฯ แสง เอกอัครราชทูต สปป.ลาว กล่าว

ในตอนท้าย เอกอัครราชทูต สปป.ลาว กล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลลาวที่พยายามเสริมสร้าง และขยายความสัมพันธ์ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดีต่อกันของ 2 ประเทศ ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นในทุกวัน

นักวิชาการ ชี้เป็นหน้าที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด วาระนายก ‘ประยุทธ์’

อดีตที่ปรึกษา กมธ. ออกมาแสดงความเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชี้ขาด วาระนายก ‘ประยุทธ์’ หลัง ฝ่ายกฎหมาย กฎหมายสภา เสนอให้เริ่มนับปี 62

นาย เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ฝ่ายกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้วาระการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มต้นในปี กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯได้ถึงปี 2570 หากได้รับเลือกให้เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้วหน้า

โดยนาย เจษฎ์ ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเชื่อมโยงกับนายกรัฐมนตรี ไม่ควรมีความเห็นเรื่องนี้ออกมาเป็นทางการ เพราะกรณีนี้สามารถตีความได้ 3 แนวทาง คือ

เริ่มนับเดือนสิงหาคม 2557 ตั้งแต่เป็น นายกฯ ครั้งแรก

เริ่มนับ 6 เมษายน 2560 ตั้งแต่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้

เริ่มนับเดือน มีนาคม หรือ มิถุนายน 2562 หลังการเลือกตั้ง

ดังนั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาแสดงทัศนะหรือระบุความคิดเห็นแบบนี้ได้ มันไม่เหมาะสม ยิ่งมีความเห็นออกมาแบบนี้คนจะคิดได้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้หรือไม่ การออกมาเพื่อสนับสนุนนายกฯในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ซึ่งมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับเสียงข้างมากในสภาฯหรือไม่ เป็นการชี้นำหรือจะทำให้มีแรงกดดันอะไรหรือไม่ โดยรวมไม่เหมาะสม เพราะหน่วยงานที่จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดควรเป็นศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนจะสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวในช่วงเวลานี้ได้หรือไม่ นายเจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าทางวิชาการและทางปฏิบัติในการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีการควบคุมความชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญได้ 2 ลักษณะ คือ การควบคุมความชอบเชิงนามธรรม และการควบคุมความชอบเชิงรูปธรรม โดยรูปธรรมเรื่องต้องเกิดก่อน ส่วนนามธรรมเรื่องยังไม่เกิด แต่หากปล่อยให้เรื่องนั้นเกิดอาจเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถเยียวยาได้ หรือเกิดประเด็นปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น กรณีนี้ต้องยื่นก่อนและศาลรัฐธรรมนูญสามารถรับไว้วินิจฉัยได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือความเสียหายตามมา

จาก ส.ส. เลือดใหม่มากอุดมการณ์ เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อย…เริ่มจาก ยืนกุมเป้าเข้าแถวรอนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมาเยือนพื้นที่ของเขา เข้าบ้านรัฐมนตรีเมื่อมีงานเลี้ยงวันเกิด คบหาสมาคมกับรัฐมนตรี และ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ไม่กล้าอภิปรายคัดค้านหรือโจมตีรัฐบาล หาช่องทางในการแบ่งสรรงบมาลงจังหวัดตนเอง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป